love and leashes เมื่อรสนิยมทางเพศของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การจะหาใครสักคนที่เข้าใจในความเป็นเรามันก็ช่างยากเย็น แต่เมื่อเราได้เจอกับคนคนนั้นเข้า ณ ที่ใดที่หนึ่งที่เราเองก็ไม่คาดคิด ความโรแมนติกสุดหรรษาก็เริ่มขึ้นและทำให้ความสัมพันธ์ที่ว่าไปไกลกว่าการใช้ โซ่ แส้ กุญแจมือ เรื่องราวโรแมนติกแบบเจ็บแสบของ ‘ชองจีอู’ (ซอฮยอน) PR สาวที่มีสัญชาตญาณการควบคุมโดยที่เธอเองไม่เคยรู้ตัวมาก่อน และ ‘ชองจีฮู’ (อีจุนยอง) รองหัวหน้าทีมที่อยากจะเป็นทาสของใครสักคนที่ยอมรับในตัวเขาได้ เมื่อสองคนมาเจอกัน ความฟรุ้งฟริ้งก็บังเกิด เบตาดีนต้องเข้า ครีมแก้รอยฟกช้ำต้องต่อคิวกันเลยละจ้ะงานนี้ ‘Love and Leashes’ เป็นโรแมนติกคอมเมดี้ที่กำลังบอกพวกเราว่า ไม่มีคนวิปริตผิดแปลกอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ เพราะมนุษย์ต่างก็แปลกด้วยกันทั้งนั้นแหละ เราต่างมีหัวใจและต้องการความเข้าใจจากใครสักคน ใครคนนั้นที่เขาจะสามารถบอกความลับที่ไม่กล้าบอกใคร เหมือน ๆ กัน
เรื่องนี้ได้ ‘ซอฮยอน’ จากเกิลส์เจเนอเรชัน (SNSD) มารับบทชองจีอู PR สาวสุดมั่นที่ทั้งเก่งและคล่องแคล่ว แต่เย็นชาและเครียดขึงกับเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าของตัวเอง วันหนึ่งก็มีเพื่อนร่วมงานย้ายแผนกจากทีมธุรกิจเข้ามาเป็นรองหัวหน้าแผนก PR เขาทั้งหล่อ ดูดี มีเสน่ห์ และยังมีชื่อคล้ายกับเธออีกต่างหาก ซึ่งบทนี้ก็ได้ ‘อีจุนยอง’ จากวง U-Kiss มารับบทชองจีฮู หนุ่มชื่อคล้ายที่มีรสนิยมทางเพศแบบ BDSM (กิจกรรมทางเพศอย่างหนึ่งที่มีเซ็กส์แบบรุนแรงและเจ็บแสบ)
แต่เธอจะไม่มีวันล่วงรู้ได้เลยถ้าวันหนึ่งเธอจะไม่บังเอิญรับกล่องพัสดุของเขามา เพราะชื่อดันคล้ายกันเจ้าหน้าที่ก็ส่งให้ผิดอ่ะนะ แถมของในกล่องนั้นก็ยังเป็นอุปกรณ์แห่งพันธนาการ ที่ถึงจะบอกว่าเป็นปลอกคอสุนัขก็ไม่อาจเชื่อได้หรอกจ้ะ เพราะหล่อนไม่ได้ง่าว อุ๊ยตาย นี่เขาเป็น SM หรอกเรอะ เรื่องราวของนายหญิงและเจ้าสุนัขก็เกิดขึ้นหลังจากนั้นเมื่อเขาบอกกับเธอว่า “…ช่วยเป็นนายหญิงให้ผมได้ไหมครับ”
love and leashes BDSM แบบนุ่มละมุน
love and leashes หนังอธิบายเรื่องของ BDSM เอาไว้แบบเข้าใจง่ายเลยละค่ะ ถือว่าเป็นการนำเสนอที่นุ่มละมุนแถมยังติดความฟรุ้งฟริ้ง หวานแหวว จนเรื่องราวทำนองนี้กลายเป็นเรื่องโรแมนติกกันไปเลย ข้อนี้ปรบมือให้กับคนเขียนบทที่ทำออกมาได้ย่อยง่าย และจะเรียกว่าเปิดใจคนดูได้แบบนุ่มนวลไม่โฉ่งฉ่างก็ไม่ผิด ทำให้การนำเสนอเรื่องราวของรสนิยมทางเพศรูปแบบนี้เป็นเรื่องที่ยืนอยู่บนความให้เกียรติ แถมยังล้วงลึกไปถึงหัวใจของบทรักสายนี้อีกต่างหาก
หากใครเคยดู Fifty Shades Of Grey เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องราวทำนองนั้น แต่เป็นการนำเสนอที่เบากว่ามากและมีความเป็นเกาหลีแบบหวานแหวว ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว ความสัมพันธ์แบบ BDSM ค่อนข้างรุนแรงในความรู้สึกมากเลยทีเดียว ก็โอ้โหดูแต่ละอย่างสิคะคุณ มันเจ็บนะเนี่ย เพราะอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จะสร้างความหฤหรรษ์นั้น พ่อคุณเอ้ย … “เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย ….” เพลงประกอบจำเลยรักต้องมาแล้วละค่ะงานนี้ แถมหนังยังใส่ดราม่าเข้าไปในความเป็น BDSM เข้าไปอีก จนมีฉากหนึ่งที่ผู้เขียนน้ำตาไหล เพราะสงสารพระเอกจับจิตจับใจ ไอ้ขำน่ะมันก็ขำแต่ก็เกิดจะเข้าใจเขาขึ้นมาซะงั้น ให้มันได้อย่างนี้
พูดกันแบบตรงไปตรงมาเลยก็คือ รสนิยมทางเพศแบบนี้คือการมีความสุขจากการเป็นผู้กระทำและเป็นผู้ถูกกระทำ ตบหน้ากันสามสี่ฉาดก็ยังยิ้มแฉ่งและชอบมาก ๆ เอาซะด้วย ซึ่งพอนางเอกได้ล่วงรู้ความลับของพระเอกนางก็ไปศึกษามาจ้ะว่าไอ้รสนิยมแบบนี้มันเป็นยังไงนะ เพราะก็ปิ๊งเขาอยู่หน่อย ๆ นางจึงได้รู้ว่าสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความยินยอมทั้งสองฝ่าย ต้องปลอดภัยและไม่ทำร้ายจิตใจซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นการจับมัด ล่ามโซ่ ใช้แส้เฆี่ยนตีจนเลือดออกซิบ ๆ เอาน้ำตาเทียนค่อย ๆ หยดไปบนร่างกายให้ผิวหนังสะดุ้งเล่น อูย…แค่คิดก็ไม่อยากจะอาบน้ำแล้วจ้ะ
ความสัมพันธ์แบบนี้จะแบ่งไปตามรสนิยมของใครก็ของมัน บางคนชอบที่จะรับบทเป็นทาสจนถึงขนาดเป็นสัตว์เลี้ยง เห่าโฮ่ง ๆ ก็ยินดีที่จะทำ บางคนชอบที่จะรับบทเป็นเจ้านาย คอยเฆี่ยนตี ออกคำสั่ง เห่าซิ คลานซิ นอนลงไป ซึ่งพระ-นางของเรื่องต่างก็รับหน้าที่เป็นเจ้านายและสัตว์เลี้ยงนั่นแหละ โดยที่นางเอกเป็น Dom (ออกคำสั่ง) และพระเอกเป็น Sub (ยอมทำตาม) ซึ่งเรียกความสัมพันธ์ของคู่พระนางว่า คู่ D/S แต่เป็นคู่ D/S ที่หวานแหวว กุ๊กกิ๊กที่สุดในโลกของภาพยนตร์กันแล้วละจ้ะ ด้วยการใช้สีของหนังที่สื่อถึงความหลากหลายทางเพศแล้วก็ เอิ่ม…นี่มันโรแมนติกคอมเมดี้แบบ BDSM ผสมน้ำตาลนี่หว่า
*(B/D จะเป็นคนที่ชอบถูกมัด หรือคนที่ชอบออกคำสั่ง ,D/S จะเป็นคนที่วางตัวเป็นนายหรือเป็นทาส เป็นสุนัขผู้ซื่อสัตย์ก็ได้แล้วแต่เลย ,S/M คือคนที่มีความสุขสาแก่ใจอีช้อยยิ่งนักเมื่อได้ทรมานคนอื่นและคู่ของเขาก็จะมีความสุขที่โดนทรมาน เฆี่ยนฉันอีก ตบฉันอีก)
สิ่งน่ารังเกียจที่ซ่อนแอบแต่ไม่มิด
หนังเรื่องนี้กำลังบอกกับเราว่า ‘สิ่งที่น่ารังเกียจไม่ใช่รสนิยมทางเพศ แต่เป็นการไม่ให้เกียรติชีวิตคนอื่น’ มีฉากหนึ่งที่ต้องยอมรับว่าพระ-นางกระทำผิดอย่างสมควรที่จะถูกทำโทษ คือมันไม่ใช่ที่ที่จะมาทำอะไรอย่างนี้ไง ด้วยวุฒิภาวะแล้วแม่คุณเอ้ย มันไม่ควรไงล่ะ (และไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างนะจ๊ะ) แต่ฉากนี้ฉากเดียวก็สะท้อนสังคมในแง่ของความจริงที่ว่า เมื่อใครคนใดคนหนึ่งมีการกระทำที่นอกเหนือไปจากบรรทัดฐานปกติ ใครคนนั้นจะตกเป็นจำเลยของสังคมทันที เขาจะถูกล้ำเส้นอย่างไร้มารยาทจากคนที่เรียกตัวเองว่าคนปกติ ทั้ง ๆ ที่คนในสังคมทั้งหลายก็มีเรื่องปกปิดที่อาจจะฉาวกว่าใครคนนั้นเสียด้วยซ้ำ
หนังสื่อให้เห็นว่าตัวตนของนางเอกถูกปกปิดเอาไว้ด้วยบรรทัดฐานของสังคมรอบ ๆ ตัว แต่เธอก็ยังเป็นตัวของเธอเองอยู่ดี ความชอบและรสนิยมถูกเก็บไว้ในที่ส่วนตัว ที่ความรู้สึกเหล่านั้นเธอทำได้อย่างจำกัดเพียงแค่บนพื้นที่สี่เหลี่ยมแคบ ๆ แต่ก็ยังมีสิ่งแปลกปลอมภายนอกมาล่วงล้ำที่ส่วนตัวของเธอได้โดยที่เธอไม่ได้ตั้งใจเชิญ ซีนสั้น ๆ ของการตัดสินใจที่จะไม่ยอมถูกล้ำเส้น บอกออกมาได้แค่หน้าจอสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ และสีหน้าของซอฮยอนที่แสดงบทนี้ได้อย่างเข้าถึง
มากไปกว่านั้นหนังยังสะท้อนความน่ารังเกียจของเครื่องแกงเหม็นโฉ่ว ที่ถูกโรยหน้าด้วยผักชีอย่างขบขัน และตบท้ายด้วยความเท่มาดแมนของคนที่พวกเขาบอกว่าเป็นพวกวิปริตผิดจากคนอื่น แต่กลับมีความอ่อนโยนภายในใจอย่างเทียบกันไม่ติด และสิ่งที่หนังพยายามจะสื่ออีกอย่างก็คือ คนที่มีรสนิยมประเภทนี้ไม่ได้เป็นโรคจิตหรือผิดปกติอย่างที่ใครเข้าใจ แต่พวกเขาคือคนปกติที่มีรสนิยมในแบบที่เขาชอบเท่านั้นเอง ความคลั่งไคล้ในบทรักเผ็ดร้อนแบบนี้ อาจเกิดขึ้นจากประสบการณ์ในชีวิตที่เขาพบเจอมาบางอย่าง จนทำให้หลุมความสุขของเขาคือเรื่องนี้ และความสุขที่ว่าก็ไม่ได้เป็นความสนุกกับเซ็กส์เพียงชั่วครู่ แต่หนังสื่อออกมาให้เห็นว่า มันสวยงามกว่านั้นเพราะมันคือความรักที่เขาโหยหาไม่ต่างจากคนอื่นเลยด้วยซ้ำ
ดราม่าซ่อนเศร้ากับตลกร้ายแฝงอารมณ์ขัน
หนังกำหนดให้ ชองจีฮู เป็นชายหนุ่มที่มีรสนิยมแบบ D/S เขาเป็นคนที่ไม่กล้ามีความรักเพราะไม่เคยมีใครเข้าใจในแบบที่เขาเป็น แม้แต่แฟนเก่าก็รับไม่ได้และบอกว่าเขาเป็นไอ้โรคจิตที่เห็นแก่ตัว ก็มันไม่ใช่ทำยังไงก็ไม่เข้ากันอยู่ดี และเมื่อวันหนึ่งเขาได้มาเจอคนที่ยอมรับเขาได้อย่าง ชองจีอู เขาก็ตกหลุมรักแบบกล้า ๆ กลัว ๆ มองตัวเองเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ ต้องการความรักความอบอุ่นแต่ก็กลัวถูกเผาซะอย่างนั้น…โถพ่อคุณ ทำไมน่าสงสารอย่างนี้เนี่ย สายตาและอารมณ์ของอีจุนยองในซีนนั้น ดิฉันสงสารเขาค่ะคุณ น้ำตารื้นอะค่ะสารภาพกันเลย
บทเรื่องนี้เป็นรวมมิตรน้ำข้นที่หลากอารมณ์มากค่ะ เราทั้งขำกับมุกต่าง ๆ ที่หนังใส่เข้ามาให้เบาสมอง ขณะเดียวกันก็สงสารพระเอกไปด้วย เพราะมุขตลกที่ว่ามันจะตลกไม่ออกถ้าหากเราคิดลึก ๆ ถึงจิตใจของคนที่มีรสนิยมแบบนี้แต่ถูกรังเกียจจากคนที่เขารัก ถูกตราหน้าจากสังคมว่าเป็นพวกวิปริตผิดธรรมดา แล้ววันหนึ่งเขาก็เจอหลุมความสุขของเขาแล้ว แถมความสุขมันฉายชัดออกมาจากสีหน้า แววตาและการกระทำที่ยอมจำนนให้กับเธอคนนี้ โอย…เศร้า สงสารอีกแล้ว เห็นใจจัง พ่อคุณเอ๊ย พ่อช่างน่าปลอบอะไรอย่างนี้นะ อีจุนยองรับบทนี้ได้เข้าง่ามเอามาก ๆ และเมื่อเจ้านายคนนั้นรับบทโดย ซอฮยอนก็เป็นเคมีที่ลงตัวอย่างน่ารักน่าทนุถนอม ขำ ฮา น้ำตารื้น
ซอฮยอนสวมบทเป็นนายสาว D/S ที่เพิ่งค้นพบตัวเองว่ามีรสนิยมไม่ต่างกับเขา ก็สะท้อนภาพของสาวออฟฟิศที่เคร่งขรึมแต่ซ่อนความแซ่บไว้ภายในออกมาได้เป็นอย่างดี หลายฉากทำออกมาได้ชวนจิ้นและใสสะอาดทำให้เรื่องราวรักร้อน ๆ แบบนี้ชวนจั๊กจี้ไปได้ทั้ง ๆ ที่ไม่มีฉากร่วมรักที่โฉ่งฉ่างเลยแม้แต่นิดเดียว เป็นฉากเข้าพระเข้านางที่ไม่ต้องมีเซ็กส์แต่สร้างอารมณ์ร่วมให้กับคนดูได้แบบฟินกระจาย ถือเป็นการนำเสนอที่ฉลาด สะอาดและแฝงไปด้วยเทคนิคที่เป็นศิลปะ น่าชื่นชมนะคะ
เข้ากับบรรยากาศของหนังที่ถ่ายทอดเรื่องราวมาจาก WEBTOON ที่ให้ความรู้สึกอีกด้านหนึ่งว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้มันคือเรื่องสมมติที่จินตนาการขึ้นมาจากความคิดด้านดี และเป็นความคิดที่อยากให้เราเข้าใจความเป็น BDSM แบบเบาสบายแกมอารมณ์ขันซะด้วยแน่ะ สำคัญคือเขาไม่ได้ร้องขอความเห็นใจจากสังคม ในทางกลับกันพวกเขากำลังบอกกับเราว่า ไม่ว่าจะ D/S B/D หรือ S/M พวกเขาต้องการหาใครสักคนที่จะยอมรับความเป็นเขาภายใต้หน้ากากนั้น อย่างที่เขาเป็น
สตรอว์เบอร์รีรสเผ็ดคือบทสรุปของเรื่องนี้
ไม่ว่าความรักของคนเราจะเกิดและเติบโตไปในรูปแบบไหน มันสวยงามเสมอนะคะ และการแสดงออกทางความรักหรืออารมณ์ร่วมขณะนั้นไม่มีคำว่าผิด หากคุณอยู่ในวัยที่สมควรและเกิดจากความยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย สำหรับเรื่องนี้ผู้เขียนการันตีไม่ได้ว่าจะเข้าใจความเป็น BDSM อย่างถ่องแท้หรือเปล่า แต่สามารถบอกได้เพียงแค่ความรู้สึกที่ได้รับจากการถ่ายทอดจากภาพยนตร์เรื่องนี้เท่านั้น และเป็นความรู้สึกที่ดีทีเดียวแหละ ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงแล้วอาจมีอะไรที่แซ่บซ่านและรุนแรงกว่านั้น ไม่ได้เป็นสตรอว์เบอร์รีรสเผ็ดอย่างที่ภาพของหนังสื่อออกมาให้เราเห็น แหม..ก็เขาทำออกมาซะฟรุ้งฟริ้งขนาดนี้
หากจะมองว่าเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เบาสมอง รักกุ๊กกิิ๊กแซ่บ ๆ ซ่า ๆ และขำขันไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น มันก็ฮาดีนี่หว่า อะไรทำนองนั้น มันก็ใช่เลยอารมณ์นั้นมาเต็ม ๆ เป็นดาร์กคอมเมดี้สีหวานจนเราจิ้นตามได้ตลอดทั้งเรื่อง หญิงดูได้ชายดูดีไม่มีพิษภัยใด ๆ ทั้งสิ้น แต่หากมองเข้าไปลึก ๆ แล้วละก็เนื้อของหนังกำลังบอกอะไรเราได้หลาย อย่าง และสิ่งที่ชัดเจนที่สุดโดยที่หนังไม่ปิดบังเลยก็คือ “ทุกคนต้องการใครสักคนมาอยู่ข้าง ๆ อย่างเข้าใจ” และภาพที่คุณมองเห็นจากภายนอก อาจเป็นเพียงภาพลวงตาที่แม้แต่เจ้าตัวก็อาจไม่เคยรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ว่าได้สร้างภาพลวงตานั้นมาบดบังความเป็นตัวตนเอาไว้ ถ้าไม่มีใครสักคนมาเปิดม่านตัวตนของคุณออกมาให้ได้เห็น
เกือบไปแล้วอ่ะเนอะ นางเอกของเราเกือบมีชีวิตที่จืดชืดและไร้คู่ไปแล้วเชียว ถ้าเจ้าหมาหนุ่มตัวดีไม่มาสะกิดต่อมนั้นได้ซะก่อน สนุกค่ะ ขำขันปนจั๊กจี้และเศร้าจังในบางครั้ง จะดูเป็นคู่หรือดูเดี่ยว ๆ ก็ชวนจิ้น ฟิน ขำไปได้ตลอดทั้งเรื่อง และการแสดงของพระนางก็น่าชื่นชม เป็นดาร์กคอมเมดี้รสหวานที่เคมีพระนางดีเลิศ แถมมุมกล้องยังส่งอารมณ์อบอุ่นอีกต่างหาก love and leashes